น่ายินดีที่มีการแถลงแนวโน้ม หรือ “ทิศทาง” ของพัฒนาการด้าน CSR ในประเทศไทย เป็นงานประจำทุกต้นปี ที่จัดโดย สถาบันไทยพัฒน์ (หน่วยงานในสังกัด มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์) ร่วมกับ สถาบันธุรกิจเพื่อสังคม (CSR) ในสังกัดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
แสดงว่ากระแสความตระหนักและดำเนินการเพื่อแสดงจุดยืน หรือบอกต่อสังคม ว่าเป็นองค์กรที่ดำเนินกิจการ หรือทำกิจกรรมด้วย “ความรับผิดชอบต่อสังคม” ซึ่งหมายรวมถึง “สิ่งแวดล้อม” มีปรากฏการณ์ที่จับความได้อย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเรื่องที่ “ต้องจริงจัง” เพราะเห็นได้ชัดว่าเกิดระเบียบมาตรฐานในลักษณะกติกาโลกที่นับวันจะมีเครื่องมือเพื่อคัดกรองในการจะเลือกคบ เลือกค้ากับกิจการที่ เก่ง และ ดี เป็นความเปลี่ยนแปลงทั้งในระดับสากลและผู้ซื้อผู้บริโภคในระดับประเทศ
นี่จึงเป็นกระแสที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ทำให้องค์กรต่างๆ ต้องปรับความคิด ปรับกระบวนการผลิตและบริหารจัดการเพื่อให้มีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือผู้เกี่ยวข้อง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เมื่อการจัดทำรายงานความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR Report) จะกลายมาเป็นเครื่องมือของภาคธุรกิจในการสื่อสารกับภาคสังคมและกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ของกิจการที่ซึ่งการประชาสัมพันธ์ CSR หรือกิจกรรมส่งเสริมสังคมไม่สามารถสร้างคุณค่าและความสัมพันธ์ได้เหมือนเดิม
ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน์ แถลงผลการศึกษาไว้ 6 ประการนั้น ประเด็นที่กล่าวถึง “การจัดทำรายงาน CSR” นับว่าสำคัญที่สุด
ทั้งนี้ก็เพราะว่า ทุกวันนี้กิจการส่วนใหญ่โดยเฉพาะองค์กรที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะมีการจัดทำหนังสือรายงานประจำปี ซึ่งมุ่งรายงานผลประกอบการทางธุรกิจและสถานะทางการเงิน ขณะเดียวกันก็เริ่มมีหลายองค์กรที่จัดทำหนังสือรายงานความรับผิดชอบต่อสังคม
เพียงแต่ว่า การจัดทำรายงาน CSR ของหลายองค์กรยังเป็นเพียงหนังสือรวบรวมความเคลื่อนไหวของการดำเนินกิจกรรมด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมในรอบปี โดยประมวลข้อมูลจากโครงการหรือกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ
เป็นการเน้นการรายงานเชิงผลงาน (output) แต่ละโครงการ แต่มิได้มุ่งรายงานผลลัพธ์ (outcome) หรือผลกระทบ (impact) ทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของกิจการในบริบทของการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
การจัดทำรายงาน CSR นั้น ความจริงมิใช่เรื่องใหม่สำหรับคนทำงานด้าน CSR เนื่องจากผู้ที่รับผิดชอบงาน CSR ขององค์กรก็ต้องทำรายงานผลสำเร็จของการดำเนินงาน CSR ในรอบปีเสนอต่อผู้บริหาร หรือเจ้าของกิจการเป็นการภายใน ผู้ที่จะเห็นรายงานดังกล่าวจึงอาจจำกัดอยู่แค่ผู้มีส่วนได้เสียในองค์กร (ผู้ถือหุ้นและเจ้าของกิจการ กับผู้บริหารและพนักงาน) เท่านั้น
แต่การจัดทำรายงาน CSR สำหรับผู้มีส่วนได้เสียภายนอกก็จำเป็น เพื่อสร้างให้เกิดการยอมรับและการรับรองจากสังคมต่อ “ผลสำเร็จ” ในภารกิจ CSR ขององค์กร ทำให้สังคมที่ประกอบด้วยกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียต่างๆ โดยกิจการสามารถดำเนินงานต่อไปโดยไม่ถูกต่อต้าน หรือเป็นเหตุทำให้ธุรกิจต้องชะงักงัน
การรายงานความรับผิดชอบต่อสังคมของกิจการ นับจากนี้จะทวีความสำคัญและมีความพยายามเรียนรู้เพื่อพัฒนามากขึ้นและอาจเรียกว่า รายงานแห่งความยั่งยืน (Sustainability report) หรือ รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development หรือ SD report) ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของการมี CSR ที่เกิดกับกิจการสังคมและสิ่งแวดล้อม
ดร.พิพัฒน์ ชี้ให้เห็นคุณค่าของการจัดทำรายงานแห่งความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อองค์กรกำหนดให้การจัดทำรายงานเป็นกระบวนการ (Process) มากกว่าเป็นโครงการ (Project) ที่มุ่งหวังเพียงแค่เอกสารที่เป็นรายงาน
กล่าวนัยหนึ่ง องค์กรต้องสร้างกระบวนการจัดทำรายงานให้เป็นเครื่องมือ (mean) ในการขับเคลื่อนงาน CSR ขององค์กรตลอดทั้งปี มากกว่าที่จะมุ่งให้ได้รายงานเป็นจุดหมาย (end) ในตอนท้ายปีเท่านั้น
องค์ประกอบสำคัญ 3 ประการจะเป็นทั้งกรอบแนวทางของภารกิจ CSR ขององค์กร และการรายงานผลสำเร็จให้เป็นที่ยอมรับ ได้แก่ บูรณภาพ (Inclusivity) คือคำนึงถึงผลที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสียในทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องและความครอบคลุมของภารกิจ CSR ในเรื่องหลักและประเด็นสำคัญได้อย่างครบถ้วน สารัตถภาพ (Materiality) ของตัวบ่งชี้สัมฤทธิภาพในกิจกรรม CSR ที่มีนัยสำคัญและเกี่ยวเนื่องกับองค์กรจริงๆ และทีฆภาพ (Sustainability) หรือความยั่งยืนของกิจกรรม CSR ที่ส่งผลต่อการดำเนินงานทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้บริบทของการพัฒนาที่ยั่งยืน
ขณะเดียวกัน พันธ์ศักดิ์ เวชอนุรักษ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สถาบันกองทุนเพื่อพัฒนาตลาดทุน ศูนย์พัฒนาธุรกิจตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่าในปีนี้สถาบันธุรกิจเพื่อสังคม ตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะร่วมกันพัฒนาหลักการและแนวปฏิบัติในการเปิดเผยข้อมูลในรายงาน CSR ที่สอดคล้องกับกรอบการรายงานตามมาตรฐานสากลเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนในการชี้แจงข้อมูลสำหรับผู้ลงทุนและการสื่อสารกับสังคม
“วันนี้ผลประกอบการของบริษัทฯ จะต้องถูกนำเสนอในมิติที่มีผลด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมประกอบกัน ทั้งนี้ แนวทางการจัดทำรายงานดังกล่าวมิได้เป็นข้อกำหนดบังคับ แต่เป็นช่องทางในการเพิ่มคุณค่าองค์กรโดยสมัครใจที่ได้รับการยอมรับในสายตาของผู้ลงทุนและสังคม”
เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่กลไกการบริหารในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมุ่งยกระดับการทำรายงานความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ CSR Report ของบริษัทจดทะเบียน เพราะเป็นบริษัทมหาชนที่มีความพร้อมด้านทุนและระบบการบริหารที่ผ่านการคัดกรองก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งน่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีในการมีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และคุณธรรม
แม้จะเริ่มด้วยการให้แนวทางปฏิบัติแบบ “สมัครใจ” แต่ในสังคมข้อมูลข่าวสารยุคปัจจุบัน องค์กรที่มีรายงาน CSR ที่สะท้อนจุดยืนที่ดีและเปิดเผยผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน โปร่งใส นี่คือ การเพิ่มคุณค่าองค์กรที่นักลงทุนและสังคมจะเชื่อถือชื่นชม
[Original Link]
No comments:
Post a Comment