เก็บตกจากงาน Kollywood
สุดสัปดาห์ที่แล้วไปโคราชมา เพื่อร่วมงาน Kollywood - ฟื้นศิลป์ ถิ่นโคราช ที่กลุ่มธุรกิจเพื่อสังคมโคราชร่วมกันจัด มีพี่เหน่ง(จ๋วย) เป็นแม่งานใหญ่ เลยได้มีโอกาสเห็นทั้งหน้างานและหลังงาน
เนื่องจาก โคราชมีชุมชนลิเกเก่าแก่อยู่ ตั้งอยู่ที่ถนนมุขมนตรี เป็นบ้านไม้และตึกแถวเรียงกันเป็นตับ ภายในบ้านมีภาพถ่ายชุดลิเกประดับเต็มผนัง เดิมมีอยู่กว่าร้อยคณะ ปัจจุบันหดหายลงไปมาก ชาวลิเกตกงาน เอาชุดลิเกไปจำนำ อยู่ในบ้านเช่าที่ทรุดโทรม และโดยมากหันไปประกอบอาชีพอื่น ทางฝ่ายทีมงานคิดจะฟื้นคุณค่าศิลปะการแสดงนี้ขึ้นมาใหม่ และให้กำลังใจชาวลิเก จึงดึงลิเกมาเป็นตัวชูโรง เวทีลิเกแสดงตั้งแต่สี่ห้าโมงเย็นไปจนถึงเที่ยงคืนทุกวัน วันสุดท้ายก็มีการรวมดาวลิเกจากหลายคณะมาแสดงร่วมกัน ผู้คนล้นหลามแน่นขนัดทุกคืน
ศิลปินอีกท่านที่น่าทึ่งคือคุณสมรรถ คุ้มสุวรรณ ผู้ชายน่ารักที่รักแม่มาก เรียนการทอผ้าจากแม่เพื่อรักษามรดกและความรักของแม่ไว้ในผืนผ้า พี่มรรถยังไปขอเรียนวิชาจากคุณยายที่สามารถนำรังไหมเจาะมาทำใยไหมได้ ลดการทำร้ายทำลายชีวิตสัตว์ลงไปได้ และทำให้เราดูผ้าไหมด้วยสายตาที่ดีขึ้นกว่าเดิม
มีโอกาสฟังวงควอเต็ตต์ ของอ.สมเถาว์ สุจริตกุล น้อง-น้องเล่นเพลงได้มีกลิ่นอายยุโรปมาก อย่างที่ไม่เคยได้ยินจากวงไหนในเมืองไทยมาก่อน เยาวชนในโคราชที่เล่นอยู่วงโยธวาทิตโรงเรียนก็ขนกันมาฟังและพูดคุยแลก เปลี่ยน ทำให้ทราบว่าเยาวชนเหล่านี้ไม่เคยมีโอกาสได้ฟังเพลงคลาสสิกที่เล่นกันสด-สด เลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต
ส่วนละครของครูเล็กและครูช่างก็มีผู้ชมแน่นขนัดทุกรอบ คณะละครปฏิเสธเวทีที่อยู่สูงและห่างไกลผู้ชม ลงมาเล่นกับลานด้านล่าง เวทีพื้นฟาง และที่นั่งผู้ชมคือเสื่อและแคร่ไผ่ ละครครูเล็กเรื่อง "สุดสาคร" ละครครูช่างเรื่อง "สินสมุทรร้องทุกข์" เรืื่่องหลังนั้นน่าสนใจที่ให้ผู้ชมช่วยกันโหวตเป็นระยะว่าจะเดินเรื่อง อย่างไรดี ทำให้รู้สึกว่าละครประชาธิปไตยของเราจะกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนในสังคมร่วมกัน โหวตสร้างเนื้อเรื่อง โดยไม่จำเป็นต้องยึดกับเนื้อเรื่องในหนังสือขนบวรรณคดีได้อย่างไร?
ชาวโคราชใช้เวลากว่า ๘ เดือนเพื่อจัดงานนี้ เป็นกิจกรรมที่ประสานความต่างระหว่างเสื้อสี เพราะทุกคนมีฝันร่วมกันคือการทำเรื่องดี-ดีให้กับชุมชนของตน เป็นการกลับไปทำความรู้จักรากเดิมของตน เพื่อถือกำเนิดในบริบทใหม่ ไม่ว่าจะเป็นลิเก ละคร ดนตรี นาฏศิลป์ ลีลาศ หนังสั้น ฯลฯ เป็นการเปิดพื้นที่ให้เห็นหน้าเห็นตาคนที่คิดและทำงานแบบเดียวกันมากขึ้ิน และที่สำคัญคือเป็นการทำให้เกิดขึ้นเป็นจริง ไม่ใช่ความคิดลอย-ลอยหรือความฝันสนุก-สนุก
แม้ว่างานนี้จะเกิดขึ้นจากฟากธุรกิจ และดูเหมือนจะไม่มีปัญหาเรื่องทุนสนับสนุนการดำเนินการ แต่เงินไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะร้อยใจคนทำงานให้มาสานฝันเดียวกันได้ เครือข่ายสายสัมพันธ์อันซับซ้อน และกระบวนการที่เหมาะสมในการทำให้คนเห็นฝันใหญ่ร่วมกันนั้นก็สำคัญมากที เดียว เพราะฝันใหญ่จะทำให้คนมองข้ามความแตกต่างหรือขัดแย้งเล็ก-เล็กน้อย-น้อย แต่ก็ต้องมีการกระตุ้นทำซ้ำอย่างสม่ำเสมอ เพราะเรามักหลุดประเด็นและหลงทางโดยไม่รู้ตัวกันบ่อยครั้ง
จากบทความ "Ja's reflection of Kollywood"