ทิศทาง CSR & Sustainability ปี 2555

ในเดือนกันยายน ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุม Regional Workshop on ASEAN Action Plan on CSR เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการความรับผิดชอบต่อสังคมโดยองค์กรภาคธุรกิจในอาเซียน ตามแผนงานการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ค.ศ. 2009-2015 (ASCC Blueprint) ซึ่งผลจากการประชุมจะผลักดันให้เกิดความริเริ่มใน 3 เรื่องสำคัญในแต่ละชาติสมาชิก 10 ประเทศ คือ การส่งเสริมให้มีการนำมาตรฐานสากลด้าน CSR (ISO 26000, UN Global Compact และ GRI) มาใช้ในการดำเนินความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจ การจัดตั้งและขยายเครือข่าย CSR ระดับชาติ (National CSR Networks) ให้ครอบคลุมในทุกประเทศสมาชิก และการผลักดันการดำเนินงาน CSR ให้เคลื่อนจาก Charity-based มาสู่ Rights-based นั่นก็หมายความว่า สิทธิและการคุ้มครองทางกฎหมายจะกลายเป็นประเด็นสำคัญต่อการดำเนินงาน CSR ของภาคธุรกิจในอาเซียนในอนาคต
อีกเหตุการณ์หนึ่งที่สำคัญ ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนเสียหายให้แก่ทุกภาคส่วนในปีที่แล้ว คือ สถานการณ์อุทกภัยใน 65 จังหวัดทั่วประเทศ และทำให้ภาคธุรกิจได้ตระหนักว่า ผลกระทบไม่ได้จำกัดวงแค่ในประเทศไทย แต่กระทบกับธุรกรรมการค้าทั่วโลกที่อิงไทยเป็นฐานการผลิต ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดดิสก์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ ฯลฯ กระเทือนถึงซัพพลายเชนทั่วโลก ผลพวงจากภัยพิบัติครั้งนี้ ได้ส่งผลให้ภาคธุรกิจจำต้องปรับแผนงานและกิจกรรมด้าน CSR ที่เคยใช้อยู่ในสถานการณ์ปกติ ให้สามารถรองรับกับภาวะฉุกเฉินที่ไม่เป็นปกติ โดยในปี 2555 นี้ ประเด็นการฟื้นฟู การบริหารความเสี่ยง และการเตรียมความพร้อม จะเป็นวาระสำคัญในการดำเนินงานด้าน CSR ของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกับองค์กรที่ต้องการบรรลุเป้าประสงค์ของการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ในปีนี้ สถาบันไทยพัฒน์ ได้ทำการประเมินทิศทางความรับผิดชอบต่อสังคมและแนวโน้มด้านความยั่งยืน ภายใต้รายงานที่มีชื่อว่า “6 ทิศทาง CSR & Sustainability ปี 2555: Reinforcing your CSR” สำหรับใช้เสริมสร้างความแข็งแกร่งทางกลยุทธ์ CSR และ Sustainability ขององค์กร เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากความเสี่ยง วิกฤต และภัยพิบัติในด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2555 นี้
![]() | |
(พิพัฒน์ ยอดพฤติการ) ผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน์ 1 กุมภาพันธ์ 2555 |