Natural Asset Companies (NAC) : บริษัทกู้โลก
ไม่เกินสิ้นปีนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก จะพิจารณาให้มีการซื้อขายสินทรัพย์ประเภทใหม่ เรียกว่า Natural Asset Companies (NACs) หรือบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจซึ่งเป็นไปเพื่อการสร้างเสริมและดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
ด้วยเหตุที่ NAC มีสถานภาพเป็นธุรกิจ จึงมีการแสวงหารายได้ และสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นหรือผู้ลงทุน เหมือนธุรกิจทั่วไป
แต่ความแตกต่างที่สำคัญ คือ ธุรกิจทั่วไป มีการดำเนินงานโดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ในฐานะ “ผู้ใช้” และมักเป็นการเผาผลาญหรือทำลายทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัดให้ร่อยหรอลงหรือหมดสิ้นไป เพื่อแปรสภาพหรือผลิตเป็นสินค้าและบริการสนองตลาด
อาทิ บริษัทพลังงานมีการขุดเจาะปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ เพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิงจำหน่าย บริษัทเครื่องดื่มมีการใช้น้ำดิบจากธรรมชาติในกระบวนการผลิต บริษัทเฟอร์นิเจอร์มีการนำไม้จากป่ามาเป็นวัตถุดิบในการผลิต บริษัทการเกษตรมีการเข้าครอบครองแผ้วถางพื้นที่ทางธรรมชาติเพื่อทำการเพาะปลูกหรือทำปศุสัตว์ ฯลฯ
ขณะที่ NAC จะดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ พร้อมกันกับทำหน้าที่ในฐานะ “ผู้สร้าง” หรือ “ผู้ดูแล” ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อให้บริการทางนิเวศ (Ecosystem Service) ที่กิจการได้รับจากธรรมชาติ สามารถดำเนินสืบต่อเรื่อยไป
อาทิ บริษัทพลังงานมีการพัฒนาเชื้อเพลิงจากแหล่งกำเนิดพลังงานหมุนเวียนที่มีไม่จำกัด (เช่น พลังแสงอาทิตย์) หรือที่มีตามวัฏจักร (เช่น ชีวมวล) บริษัทผลิตอาหารมีการเพาะปลูกหรือทำปศุสัตว์เชิงฟื้นฟู (Regenerative) ที่มีการเพิ่มพูนความอุดมสมบูรณ์ของดินและฐานทางชีวภาพของดิน ฯลฯ
วิธีการวัดมูลค่ากิจการ NAC จะพิจารณาจากสินทรัพย์ธรรมชาติ (Natural Asset) ที่บริษัทถือครองหรือประเมินจากสิทธิการเข้าถึงบริการทางระบบนิเวศที่กิจการนั้นได้รับ ซึ่งต้องมีการบันทึกบัญชีในรูปแบบที่แตกต่างจากมาตรฐานบัญชีการเงินที่ใช้ในปัจจุบัน
แนวทางหนึ่งที่มีการริเริ่มนำมาใช้แล้ว ได้แก่ การบัญชีระบบนิเวศ (Ecosystem Accounting) ที่ประกอบด้วย บัญชีขอบเขต (Extent) เงื่อนไข (Condition) บริการ (Services) ทางระบบนิเวศ และการบันทึกสินทรัพย์ (Asset) ทางระบบนิเวศในรูปตัวเงิน
แนวทางดังกล่าวจัดทำขึ้นภายใต้ระบบบัญชีเศรษฐกิจสิ่งแวดล้อม (System of Environmental-Economic Accounting: SEEA) โดยคณะกรรมาธิการสถิติของสหประชาชาติได้ให้การรับรองเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หน่วยงาน Intrinsic Exchange Group (IEG) ที่กำลังทำงานร่วมกับตลาดหุ้นนิวยอร์ก เพื่อพิจารณากิจการประเภท NAC ได้มีการประเมินยอดตัวเลขบริการทางระบบนิเวศ อาทิ การกักเก็บคาร์บอน ความหลากหลายทางชีวภาพ น้ำสะอาด ฯลฯ ว่าอาจมีมูลค่าสูงถึง 125 ล้านล้านเหรียญต่อปี มากกว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมทั้งหมด ที่มีตัวเลขราว 90 ล้านล้านเหรียญต่อปี
ในอนาคต จะมีกิจการ NAC จำนวนไม่น้อย ที่มีโอกาสสร้างมูลค่ากิจการจากตัวเลขบริการทางระบบนิเวศ ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุน โดยเฉพาะผู้ลงทุนสาย ESG (Environmental, Social, and Governance) สามารถจัดสรรเม็ดเงินลงทุนเพื่อส่งเสริมให้เกิดธุรกิจที่เรียกว่า Regenerative Business อย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต
[Original Link]